วิเคราะห์ตัวละคร “รักฉุดใจนายฉุกเฉิน” ด้วยมุมมองทางประกัน

รักฉุดใจนายฉุกเฉิน อาจดูเป็นละครโรแมนติกคอมเมดี้ทั่วๆ ไป แต่รู้หรือไม่ ละครเรื่องนี้แฝงไปด้วยแง่คิดที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ได้ดีทีเดียว และหากลองวิเคราะห์ดูก็จะเห็นว่าบทบาทของตัวละครแต่ละตัวนั้นสามารสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงจากพฤติกรรม และอาชีพได้ค่อนข้างเป็นปัจเจก และน่าสนใจ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม

ถ้าให้พูดความเสี่ยงจากการประกอบอาชีพ หรือพฤติกรรมนั้น มนุษย์ทุกคนมีโอกาสเจอได้หมด และก็ขอยอมรับเลยว่าคนเราเป็นสิ่งมีที่ค่อนข้างฉลาด เพราะเราพยายามสรรหาทุกวิธีการ และเครื่องมือมาช่วยกำจัด หรือบรรเทาความเสี่ยงที่มี และ“ประกัน” ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่สามารถช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี โดยอินชัวรี่จะชี้ให้ภาพชัดๆ ด้วยการนำตัวละครหลักจากเรื่องรักฉุดใจนายฉุกเฉินมาวิเคาระห์หาความเสี่ยงที่มี และจับคู่ประกันที่เหมาะสมให้แบบคร่าวๆ แต่ไม่ได้บังคับว่าคนที่มีลักษณะการทำงานแบบตัวละครที่กล่าวมานั้นต้องซเพราะการเลือกซื้อประกันที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลนั้นต้องอาศัยปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาร่วมประกอบการตัดสินใจด้วย

หมอเป้ง 

หนุ่มหล่อรูปงาม แต่เย็นชาสุดๆ คบกับแฟนมา 15 ปีละเลยตลอด มัวแต่ทุ่มเวลาให้กับงานจนลืมคนรักอย่าง ทานตะวัน ผลสรุปสุดท้ายคือต้องเลิกรากันไป แต่อินชัวรี่ก็เข้าใจหมอเป้งนะ เพราะแพทย์นั้นความรับผิดชอบเยอะมาก แถมวันๆ นึงยังมีคนป่วยเป็นร้อยเป็นพันวิ่งเข้าโรงพยาบาลกันมาไม่หยุดไม่หย่อน เวลาให้ตัวเองยังแทบไม่มี เวลาให้คนอื่นเหรอ ฝันไปเถอะ อย่างหมอเป้งเนี้ยแนะนำให้ทำประกันสุขภาพเผื่อไว้ก็น่าจะดี เพราะพฤติกรรมนอนน้อย และพักผ่อนไม่เพียงพออาจทำให้โรคร้ายแรงเหล่านี้ถามหา อาทิเช่น โรคมะเร็งลำไส้ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคยอดฮิตล่าสุดอย่างโรคภูมิคุ้มกันเป็นพิษ เป็นต้น ถึงแม้ว่าแพทย์จะมีสวัสดิการคุ้มครองในส่วนนี้อยู่ แต่การทำประกันสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สามรถช่วยเพิ่มหลักประกันทางสุขภาพให้แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม

ทานตะวัน

หญิงสาวผู้โชคร้ายที่สูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่วัยรุ่น แถมคบกับแฟนมาตั้ง 15 ปี แฟนก็ยังไม่มีเวลาให้จนเผลอใจไปแอบหลงรักรุ่นน้องหน้ามน ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้มันก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะความรักนอกจากความรู้สึกที่มีให้กันแล้ว เวลาก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่อินชัวรี่ข้องใจคือทานตะวันเอาเงินที่ไหนมาใช้กิน ใช้จ่าย เพราะวันๆ ไม่เห็นทำงานอะไรเลยนอกจากคอยทำนู้น ทำนี่ให้หมอเป้ง และที่สำคัญคือไม่เคยจะเห็นนางเดือดร้อนเรื่องเงินเลยซักกะตอน ถ้าให้เดาเงินที่ทานตะวันมีอยู่อาจจะมาจากเงินเอาประกันที่ได้รับตอนพ่อแม่เสีย แล้วเอาไปต่อยอดลงทุนรูปแบบต่างๆ แต่ถึงกระนั้นอินชัวรี่เกรงว่าหากถึงคราวเกษียณทานตะวันอาจจะแย่ได้เลยอยากแนะนำให้ทำประกันชีวิตแบบบำนาญไว้เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้ชีวิตตอนเกษียณมีแต่ความสำราญ และเนื่องจากทานตะวันเสิร์ฟหมูปิ้งเป็นอาหารเช้าให้หมอเป้งตลอดระยะเวลา 15 ปี ควันที่มาจากการปิ้งหมูอาจเข้าไปสะสมในปอด และส่งผลให้ทานตะวันอาจเป็นโรคมะเร็งปอดได้ในอนาคต ซึ่งค่ารักษาก็หลักแสน ถึงหลักล้านแน่ๆ ดังนั้นทานตะวันจ๋าทำประกันนสุขภาพไว้เผื่อก็ดีนะ

หมอฉลาม

หนุ่มหน้ามน ใจโลเล แอบรักเพื่อนอยู่ดีๆ เปลี่ยนใจไปรักแฟนรุ่นพี่แบบงงๆ แต่จะโทษใครได้ล่ะเนอะความรู้สึกดีมันไม่เลือกสถานที่ และสถานการณ์ แต่อินชัวรี่ไม่แนะนำให้ทุกคนทำพฤติกรรมแบบฉลามนะ เพราะมันไม่ดี ควรรอให้ทานตะวันเคลียร์กับหมอเป้งให้จบเสียก่อน แล้วเราค่อยไปสานต่อ และสำหรับประกันที่อินชัวรี่อยากจะแนะนำให้หมอฉลามทำคือประกันชีวิต เพราะความทุ่มเทที่มีต่อทานตะวันอาจทำให้ตัวน้องหมอเองได้รับบาดเจ็บจนถึงขึ้นเสียชีวิต ความหวังพ่อแม่ที่จะอยากจะพึ่งพาลูกในยามแก่เฒ่าก็คงสลายไป อย่างน้อยหากทำประกันชีวิตไว้เงินเอาประกันที่บริษัทจ่ายให้กับผู้รับผลประโยชน์หรือในก็อาจช่วยบรรเทาภาระหรือจุนเจือให้กับครอบครัวของฉลามได้บ้าง

บะหมี่ 

สาวนักซิ่ง ผู้ผันตัวมาขับรถ ambulance เพราะหลงรักหมอ สำหรับอินชัวรี่ “บะหมี่” เป็นตัวละครที่เกลียดที่สุดเลยก็ว่าได้ ทั้งๆที่รู้ว่าหมอเป้งมีแฟนอยู่แล้วก็ยังชอบไปอยู่ใกล้ๆ แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ต้องนับถือใจนางเลยว่าอดทนเก่งมากๆ ถึงแม้ว่าจะรักหมอเป้งแค่ไหนก็ไม่เคยไปให้ท่า หรือทำร้ายทานตะวันเลย อาจจะมีแค่ผลัก และด่าพอกรุบกริบ แต่ก็ไม่ถึงขั้นไประรานชีวิตทานตะวัน นี่แหละถือว่าเป็นข้อดีของนาง แต่ในแง่ของประกัน “บะหมี่” ถือว่าเป็นตัวละครที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงเลยทีเดียวเนื่องจากนางเคยเป็นนักแข่งรถในสนามมาก่อนอาจทำให้มีพฤติกรรมชอบขับรถเร็วติดตัวมาอยู่ หากนำพฤติกรรมนั้นมาใช้นอกสนามแข่งก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ดังนั้นประกันที่เหมาะสมสำหรับบะหมี่จึงหนีไม่พ้นประกันรถยนต์ ก็อย่างที่เราทราบกันดีว่าประกันรถยนต์จะช่วยแบ่งเบาภาระทั้งค่าซ่อมแซมรถ และค่ารักษาหมดห่วงได้เสมอเกิดเหตุไม่คาดฝัน ถึงแม้จะทำประกันรถยนต์แล้ว แต่ก็ต้องมีสติทุกครั้งในการขับขี่นะคะ

ข้อความด้านบนเป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น การเลือกซื้อประกันที่ดีควรเริ่มต้นจากการตั้งคำถามกับตัวเองว่าอาชีพ พฤติกรรม ความสนใจ และความพร้อมทางการเงิน รวมไปถึงความจำเป็นของเรานั้นเป็นอย่างไร แล้วจึงค่อยตัดสินใจซื้อ สรุปง่ายๆ คือเราต้องเสนอสิ่งที่เราต้องการ แล้วบริษัทประกันจะสนองด้วยการแนะนำแบบกรมธรรม์ที่ใช่ให้แก่เรา แต่ถ้าไม่มีเวลาไปนั่งคุยเองให้ noon ช่วยได้นะ เพียงกรอกข้อมูล และระบบจะช่วยคัดสรรแบบประกันที่เหมาะสมมาให้ อยากทำประกันที่ใช่ คลิกเลย

cr.รูปภาพ

theallabout.com, one31.net, guinside.com, trueid.net