ความวัวไม่ทันหาย ความ…เข้ามาแทรก คงไม่มีสำนวนสุภาษิตไหนที่เหมาะไปกว่านี้อีกแล้วเมื่อปัญหาฝุ่น PM 2.5 ยังไม่ทันจะจางหายไป เชื้อไวรัสโคโรนาก็เข้ามาแทรกแบบไม่ทันตั้งตัว
ถึงแม้ว่าเชื่อไวรัสนี้จะมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ที่เมืองอู่ฮั่น แต่จากข้อมูลปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยด้วยเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศไทยแล้วถึง 8 ราย โดยแบ่งเป็นชาวไทย 1 ราย และชาวจีน 7 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 26 มกราคม 63)
เชื้อไวรัสโคโรนากำลังเป็นเรื่องที่ทั่วโลกต่างเห็นพ้องต้องกันว่าอยู่ในขั้นวิกฤต แต่สำหรับประเทศไทยดูเหมือนว่ายังไม่ค่อยตื่นกลัวกันซักเท่าไหร่ (สังเกตได้จากจำนวนผู้คนที่สวมใส่กากอนามัยตามคมนาคมสาธารณะ) แต่วันนี้เรื่องราวจะถูกร้อยเรียงใหม่ เพราะเราจะช่วยให้คนไทยเห็นถึงความน่ากลัวของเชื้อไวรัสโคโรนามากขึ้นผ่านเหตุผล และข้อเท็จจริงเหล่านี้
ไวรัสโคโรนาสามารถติดจากคนสู่คนได้โดยการ ไอ หรือจาม และถึงแม้ว่าจะอยู่ในระยะฟักตัว (ประมาณ 14 วัน) ก็สามารถแพร่เชื้อโรคได้ ทำให้การควบคุมโรคเป็นไปได้ยาก
อาการเริ่มแรกไม่ชัดเจน สังเกตได้ยาก ใกล้เคียงกับไข้หวัดทั่วไปจึงทำให้คนที่ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสนี้ไม่ทันสังเกตตัวเองจนเข้าสู่ระยะรุนแรง และเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งกลุ่มเสี่ยงที่ไวต่อเชื้อไวรัสโคโรนานี้ได้แก่ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่นภาวะร่างกายอ่อนแอ มีโรคหัวใจหรือมะเร็งอยู่ก่อนและผู้ที่มีมีระบบภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงพอจะสู้กับไข้หวัดใหญ่ได้
ยังไม่มียารักษา
ตอนนี้ยังไม่มียาตัวไหนต้านเชื้อไวรัสโคโรนาตัวนี้ได้โดยตรง การรักษาปัจจุบันเป็นการรักษาตามอาการไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาย และที่ผ่านมาก็มีผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนรอดจากเชื้อไวรัสโคโรนาไปหลายรายแล้ว
ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมามีชาวจีนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จากข้อมูลสถิติพบชาวจีนจะเดินทางมายังประเทศไทยปีละประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจพาหะของเชื้อไวรัสโคโรนาปะปนมาด้วย แนวโน้มที่ชาวไทยจะป่วยด้วยเชื้อไวรัสนี้จึงมีค่อนข้างสูง
อัตราการเสียชีวิตไม่เท่ากับซาร์ แต่ก็มากกว่าไข้หวัดใหญ่
โดยเชื้อซาร์อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 10% และอัตราการเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ 2019 มีเพียง 2% นับว่าน้อยกว่ามาก แต่ก็ชะล่าใจไม่ได้
ความน่ากลัวของเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นเรื่องที่เราควรตื่นตัวแต่อย่าตื่นตูม ดังนั้นทำอะไรจงมีสติไว้ และอย่าลืมทำประกันสุขภาพไว้ช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยนะ เพราะเราไม่รู้หรอกว่าโรคร้ายจะเข้ามาเมื่อไหร่ แต่หากทำประกันสุขภาพก็อุ่นใจได้มากกว่า
ขอบคุณที่มาดี๊ดี
workpoint, world health organization