2 นาที

อ่านก่อนเจอดี! ประกันสุขภาพแบบไหนใช้ลดหย่อนภาษีได้

แชร์

ประกันสุขภาพเป็นหนึ่งในเครื่องมือบริหารจัดการความเสี่ยงที่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของมนุษย์ทุกเพศ ทุกวัยในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพที่มีมากขึ้น และต้นทุนค่ารักษาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจส่งผลให้เป้าหมายทางการเงินในอนาคตของเราเกิดความสั่นคลอน 

ด้วยเหตุนี้หลายๆ คนจึงเลือกทำประกันสุขภาพเพื่อถ่ายโอนความเสี่ยงจากโรคภัยไข้เจ็บที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงเรื่องค่ารักษา ค่าห้อง หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และอีกหนึ่งสิทธิประโยชน์ที่เราจะลืมไม่ได้เลยก็คือสิทธิประโยชน์ทางภาษีนั้นเอง 

ประกันสุขภาพสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามเบี้ยที่จ่ายจริง หรือไม่เกิน 25,000 บาท แต่ต้องเป็นประกันสุขภาพที่เข้าข่ายเงื่อนไขดังต่อไปนี้เทานั้น

รายละเอียดและเงื่อนไขประกันสุขภาพที่นำไปลดหย่อนภาษีได้
ประกันสุขภาพตัวเอง สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง หรือสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท 
เงื่อนไข 
  • ประกันสุขภาพที่เราทำต้องจัดอยู่ในประเภทดังต่อไปนี้ที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เนื่องจากเจ็บป่วยและเจ็บ อีกทั้งมีค่าชดเชยให้ในกรณีที่ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไป และบาดเจ็บ  
  • ประกันภัยอุบัติเหตุที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก  
  • ประกันภัยโรคร้ายแรง (Critical Illnesses)  
  • ประกันภัยการดูแลระยะยาว (Long Term Care)  
  • ประกันสุขภาพที่ทำต้องทำกับบริษัทประกันที่ประกอบกิจการในประเทศไทยเท่านั้น 
  • เมื่อรวมเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป หรือเงินฝากแบบมีประกันชีวิตแล้วสามารถนำไปลดหย่อนได้ไม่เกิน  100,000 บาท   
ยกตัวอย่างเช่น  
นาย noon ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันชีวิตไปแล้ว 90,000 บาท และต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากประกันสุขภาพอีก 25,000 บาท (เต็มสิทธิสูงสุด) แต่เนื่องด้วยข้อกฎหมายกำหนดไว้เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป หรือเงินฝากแบบมีประกันชีวิต เมื่อรวมเบี้ยประกันสุขภาพแล้วสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ดังนั้น นาย noon จึงใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากประกันสุขภาพได้เพียง 10,000 บาทเท่านั้น 
ขั้นตอนการขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 
  • แจ้งความประสงค์ไปยังบริษัทประกัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำส่งข้อมูลการขอใช้สิทธิไปยังสรรพากรในวันที่ 7 มกราคมของทุกปี 
ประกันสุขภาพพ่อแม่ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง หรือสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท**
โดยมีเงื่อนไข ดังนี้  
 พ่อแม่ตนเอง 
  • ผู้ยื่นภาษีต้องเป็นบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย 
  • พ่อแม่ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 /ปีภาษี 
  • ผู้ยื่นภาษี พ่อ หรือแม่ คนใดคนหนึ่งต้องอยู่ในประเทศไทยครบ 180 วัน 
  • ประกันสุขภาพของพ่อแม่ต้องให้ความในลักษณะดังต่อไปนี้ 
    • ประกันสุขภาพที่เราทำต้องจัดอยู่ในประเภทดังต่อไปนี้ที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เนื่องจากเจ็บป่วยและเจ็บ อีกทั้งมีค่าชดเชยให้ในกรณีที่ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไป และบาดเจ็บ 
    • ประกันภัยอุบัติเหตุที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก  
    • ประกันภัยโรคร้ายแรง (Critical Illnesses)  
    • ประกันภัยการดูแลระยะยาว (Long Term Care)  
เอกสารที่ใช้ 
  • ใบเสร็จ หรือหนังสือการรับรองการชำระเบี้ยประกัน 
หมายเหตุ หากใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากประกันสุขภาพพ่อแม่ร่วมกับบุตรคนอื่นๆ มูลค่าสิทธิลดหย่อนภาษีจะถูกหารตามจำนวนบุตรที่ขอใช้สิทธิอย่างเท่าเทียมกัน อาทิเช่น ในปีภาษี 63 มีบุตรที่ต้องใช้สิทธิทั้งหมด 2 คน ซึ่งมูลค่าสิทธิลดหย่อนที่ทั้งคู่สามารถนำไปหักลดภาษีได้คือ คนละไม่เกิน 7500 บาท/ปี 
 พ่อแม่ของคู่สมรส 
  • คู่สมรสไม่มีรายได้ตลอดปีภาษี 
  • คู่สมรสต้องเป็นบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย 
  • พ่อแม่ของคู่สมรสต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 /ปีภาษี 
  • ผู้ยื่นภาษี พ่อ หรือแม่ของคู่สมรส คนใดคนหนึ่งต้องอยู่ในประเทศไทยครบ 180 วัน 
  • ประกันสุขภาพของพ่อแม่คู่สมรสต้องให้ความในลักษณะดังต่อไปนี้ 
    • ประกันสุขภาพที่เราทำต้องจัดอยู่ในประเภทดังต่อไปนี้ที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เนื่องจากเจ็บป่วยและเจ็บ อีกทั้งมีค่าชดเชยให้ในกรณีที่ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไป และบาดเจ็บ 
    • ประกันภัยอุบัติเหตุที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก  
    • ประกันภัยโรคร้ายแรง (Critical Illnesses)  
    • ประกันภัยการดูแลระยะยาว (Long Term Care)  
เอกสารที่ใช้ 
  • ใบเสร็จ หรือหนังสือการรับรองการชำระเบี้ยประกัน 
หมายเหตุ ** แต่เมื่อรวมเบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ตนเอง และพ่อแม่คู่สมรส สามารถนำไปลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท

ประกันสุขภาพนับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะทำให้เราได้ทั้งเครื่องมือช่วยบริหารความเสี่ยงจากโรคภัยไข้เจ็บ และตัวช่วยลดหย่อนภาษี แต่การมองหาแผนประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราได้นั้นเหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร ต้องอาศัยทั้งปัจจัย และข้อมูลมากมาย อีกทั้งกว่าจะได้มาซึ่งแบบประกันที่ใช่จริงๆ เรายังต้องฝ่าฟันกับแผนประกันสุขภาพอีกเป็นพัน เป็นหมื่นที่มีอยู่ในตลาด แต่ในยุคการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิตอลก็มีเครื่องมือมากมายที่ถูกพัฒนามาเพื่อแก้ปัญหาในจุดนี้ และหนึ่งในนั้นก็คือ noon 
Noon คือเครื่องมือ หรือระบบที่จะช่วยให้ผู้บริโภคอย่างเราได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นการเลือกซื้อประกัน โดยการทำงานของ noon นั้นจะคำนวณข้อมูลจากสิ่งที่เรากรอกไป อาทิเช่น เพศ อายุ หรือค่ารักษาสูงสุดที่ต้องการ หลังจากนั้นระบบจะคำนวณ และแสดงแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับเราออกมา สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็เพียงแค่เลือกแผนประกันสุขภาพที่เราปลาบปลื้มเท่านั้น เรื่องปวดหัวยกให้ noon เรื่องคุ้มค่า noon ยกให้คุณ” 
เลือกแผนประกันสุขภาพที่ใช่จากตรงนี้ได้เลย!!

ขอบคุณแหล่งข้อมูล: itax.in.th, muangthai.co.th, bangkokbiznews.com, finnomena.com

แชร์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

มัดใจลูกค้าด้วย 4 เทคนิคการบริการแบบ Personalize ที่ยังไงก็ปัง

การบริการด้วยการสร้างประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล (Personalize) กำลังเป็นกลยุทธ์ที่ใครๆ ก็ต่างให้ความสนใจ เพราะการบริการแบบเฉพาะบุคคลนี้จะช่วยให้เราสามารถเพิ่มจำวนลูกค้าประจำได้มากขึ้น รวมไปถึงช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน

5 เทคนิคเลือกประกันรถยนต์สำหรับมือใหม่หัดขับ

มนุษย์เงินเดือนหลาบๆ ท่านพอเริ่มทำงานมาซักระยะหนึ่งก็เริ่มฝันที่อยากจะมีรถยนต์เป็นของตัวเอง และยิ่งหากเป็นมือหัดขับใหม่แล้วด้วย การทำประกันรถยนต์ยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องห้ามลืมเด็ดขาด เพราะช่วยให้เราเบาใจในเรื่องของค่าใช้จ่ายค่าซ่อมแซม หากเราบังเอิญขับชน หรือเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แต่การเลือกประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์อาจทำให้เราเครซี่ได้ วันนี้เราเลยนำเทคนิคการเลือกประกันรถยนต์สำหรับมือใหม่มาฝากกัน