2 นาที

คุ้มมั้ย? มาตรการติดโซลาร์เพื่อลดหย่อนภาษี 200,000

แชร์

ในยุคที่ค่าไฟแพงขึ้นทุกปี หลายคนเริ่มหันมาสนใจ ติดตั้งโซล่าเซลล์ (Solar Rooftop) เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองในบ้าน ไม่เพียงแค่ช่วยลดค่าไฟรายเดือน แต่ล่าสุดยังมีข่าวดีจากภาครัฐ เมื่อ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติมาตรการทางภาษี เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนอย่างเป็นทางการแล้ว 

ประโยชน์จากการติดโซลาร์เซลล์พร้อมลดหย่อนภาษี 

1. ประหยัดค่าไฟฟ้าระยะยาว 

การติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าไฟฟ้ารายเดือนเท่านั้น หากยังสามารถผลิตไฟฟ้าส่วนเกินขายคืนให้การไฟฟ้าได้อีกด้วย ทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว 

2. ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000 บาท 

สามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่เกิน 2 แสนบาทต่อ 1 มิเตอร์ 

3. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและยั่งยืน 
รายละเอียดมาตรการลดหย่อนภาษี 
มาตรการติดโซลาร์เพื่อลดหย่อนภาษีมี 2 มาตรการด้วยกัน ดังนี้ 
มาตรการที่ 1: การส่งเสริมการลงทุนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน  สามารถหักค่าใช้จ่ายในการซื้อหรือลงทุนในทรัพย์สิน เครื่องจักร อุปกรณ์ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้ จำนวน 1.5 เท่า ของรายจ่ายจริง 
มาตรการที่ 2: การส่งเสริมการติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อป  สำหรับบ้านอยู่อาศัย สามารถนำเงินลงทุนในการติดตั้งระบบโซลาร์มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในวงเงินที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 200,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) 
ตารางการลดหย่อนภาษีตามขั้นบันไดภาษีเงินได้ 
สำหรับผู้ที่ใช้วงเงินเต็ม 200,000 บาท จะประหยัดภาษีได้จริงตามอัตราภาษีขั้นบันไดดังนี้: 
อัตราภาษี เงินได้สุทธิต่อปี ประหยัดภาษีได้สูงสุด 
0% 0 – 150,000 บาท 0 บาท 
5% 150,001 – 300,000 บาท 10,000 บาท 
10% 300,001 – 500,000 บาท 20,000 บาท 
15% 500,001 – 750,000 บาท 30,000 บาท 
20% 750,001 – 1,000,000 บาท 40,000 บาท 
25% 1,000,001 – 2,000,000 บาท 50,000 บาท 
30% 2,000,001 – 5,000,000 บาท 60,000 บาท 
35% เกิน 5,000,000 บาท 70,000 บาท 
ตกลงแล้วมาตรการติดโซลาร์เพื่อลดหย่อนภาษีมันคุ้มจริงหรือเปล่า? 
✅ คุ้มค่า เมื่อ: 
  • มีเงินลงทุนเพียงพอและต้องการลดภาษีในปีที่ติดตั้ง 
  • บ้านมีพื้นที่หลังคาเหมาะสมรับแสงแดดได้ดี 
  • ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยต่อเดือนสูง (มากกว่า 3,000 บาท/เดือน) 
  • มองหาผลตอบแทนระยะยาว 7-10 ปี 
  • ต้องการสนับสนุนพลังงานสะอาด 
⚠️ ไม่คุ้ม เมื่อ: 
  • เงินลงทุนจำกัด หรือไม่มีภาษีให้หัก 
  • บ้านอยู่ในพื้นที่ที่แสงแดดไม่เพียงพอ 
  • ค่าไฟฟ้าต่อเดือนต่ำ (น้อยกว่า 1,500 บาท/เดือน) 
  • ไม่แน่ใจจะอยู่บ้านหลังนี้นานพอ 
สรุป: คุ้มค่าแค่ไหน? ก็อยู่ที่เรา 
  • มีรายได้ที่ต้องเสียภาษี และอยู่ในกลุ่มฐานภาษี 10%–30% หรือเปล่า 
  • บ้านเหมาะสมกับการติดตั้งโซลาร์ไหม 
  • ใจเย็นรอได้ไหม เพราะการติดตั้งโซลาล์เซลล์เป็นการลงทุนระยะยาว  ด้วยการลดหย่อนภาษีสูงสุด 200,000 บาท บวกกับการประหยัดค่าไฟฟ้าและรายได้จากการขายไฟฟ้าส่วนเกิน ทำให้ระยะเวลาคืนทุนสั้นลงอย่างมีนัยสำคัญ 
อย่างไรก็ตาม ควรศึกษารายละเอียดเงื่อนไขและประเมินความเหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเองก่อนตัดสินใจ รวมถึงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโซลาร์เซลล์และที่ปรึกษาภาษีเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากมาตรการนี้ 

ขอบคุณข้อมูลจาก https://mgronline.com/business/detail/9680000059611 

แชร์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

เจ้าของบ้านควรรู้! เทียบชัดๆ 3 ประกันบ้านที่จำเป็นเพื่อความอุ่นใจ

บ้านคือหนึ่งในสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของใครหลายคน การมีบ้านเป็นของตัวเองจึงมาพร้อมกับความรับผิดชอบและภาระค่าใช้จ่ายมากมายที่ต้องดูแล และหนึ่งในสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการคุ้มครองบ้านและคนที่คุณรักให้ปลอดภัยจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ด้วยการทำประกันภัย ซึ่งมีหลากหลายประเภทให้เลือก โดยเราจะมาเจาะลึก 3 ประกันสำคัญที่คนมีบ้านควรรู้จัก เพื่อช่วยให้ตัดสินใจเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบ้านของเรา

ประกันอุบัติเหตุ vs ประกันสุขภาพ เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับตัวเรา

ในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การมีประกันสักฉบับไว้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายจากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่หลายคนยังสับสนว่า ควรเลือก “ประกันอุบัติเหตุ (PA)” หรือ “ประกันสุขภาพ” ดี? กกเพราะทั้งสองแบบต่างก็เกี่ยวข้องกับค่ารักษาพยาบาลเหมือนกัน ซึ่งนอกจากชื่อที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจนแล้ว ประกันทั้งสองประเภทนี้ก็ยังมีความแตกต่างกันในเรื่องของความคุ้มครองและวัตถุประสงค์ในการทำประกัน