2 นาที

ข้อดีของการบริจาคเลือดที่ดีต่อใจและร่างกาย

แชร์

เลือดเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย มีหน้าที่หลักคอยขนส่งก๊าซออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่างๆ และนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์มายังปอดเพื่อเข้าสู่กระบวนการขับถ่ายออกจากร่างกาย ดังนั้นหากไม่มีเลือดก็อาจทำให้ระบบการทำงานของร่างกายผิดปกติ หรือในกรณีที่เกิดสภาวะขาดเลือดอย่างรุนแรงก็อาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เลือดจึงเปรียบเสมือนกับแหล่งน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตของมนุษย์เรา ถึงแม้เลือดจะสำคัญแค่ไหนแต่ประเทศไทยก็ยังคงประสบสภาวะขาดแคลนโลหิตอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นทางออกที่จะแก้ปัญหานี้ได้ง่ายที่สุดคือ “การบริจาคเลือด”  ซึ่งมีข้อดีมากมาย ดังนี้

 

ข้อที่ 1 ร่างกายแข็งแรง

เนื่องจากการบริจาคเลือดนั้นช่วยให้เกิดการสร้างเม็ดเลือดขึ้นมาใหม่ ทั้งเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งระบบหมุนเวียนเลือดยังดีขึ้นด้วยส่งผลให้ร่างกายของเราแข็งแรงตามไปด้วย

ข้อที่ 2 ผิวพรรณสดใส ออร่าเปล่งประกายแบบไม่ต้องฉีด หรือกินอาหารเสริมใดๆ 

ข้อที่ 3 ลดความเสี่ยงของโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

มีผลการวิจัยหนึ่งกล่าวไว้ว่าการบริจาคเลือดอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ธาตุเหล็กที่สะสมในร่างกายลดลง ธาตุเหล็กเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้หลอดเลือดตีบและอุดตันได้ 

ข้อที่ 4 ลดภาวะการเกิดโรคหลอดเลือดแดงตีบ

การบริจาคเลือดบ่อยๆ นั้นจะช่วยลดระดับน้ำตาล ความดันโลหิต และปรับสมดุลของไขมันดีและไม่ดีให้ดีขึ้น

ข้อที่ 5 ลดความเสี่ยงเป็นมะเร็ง

จากข้อมูลของสถาบันคาโรลินสกา สตอคโฮล์ม สวีเดนได้กล่าวไว้ว่าการบริจาคเลือดช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้หลายชนิด เช่น มะเร็งตับ มะเร็งปอด เป็นต้น

ข้อที่ 6 สิทธิการรักษา

กรณีที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณะสุข

• เป็นผู้บริจาคเลือด 1 ครั้ง ขึ้นไป ได้รับการช่วยเหลือค่าห้องและค่าอาหารพิเศษ 

(ตามสิทธิที่สามารถเบิกได้จากหน่วยงานต้นสังกัด) ส่วนที่เกินสิทธิให้เรียกเก็บ 50 %

• เป็นผู้บริจาคเลือด 18 ครั้ง ขึ้นไป ได้รับการช่วยเหลือค่าห้องและค่าอาหารพิเศษ 50 %

(ตามอัตราที่กำหนดไว้) 

กรณีที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสังกัดสภากาชาดไทย

• เป็นผู้บริจาคเลือด 7 ครั้งขึ้นไป ได้รับการช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยสามัญ 50% (ไม่รวมค่ายาและเวชภัณฑ์) ในกรณีที่อยู่ห้องพิเศษ ผ่าตัด ผ่าตัดคลอดบุตร เสียค่าใช้จ่าย 50% (ยกเว้นการผ่าตัดโดยใช้อุปกรณ์พิเศษที่ผู้บริจาคจะต้องจ่ายเองทั้งหมด) 

• เป็นผู้บริจาคโลหิต 24 ครั้งขึ้นไป ได้รับการยกเว้นค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยสามัญ 100% (ไม่รวมค่ายาและเวชภัณฑ์) ในกรณีที่อยู่ห้องพิเศษ ผ่าตัด หรือผ่าตัดคลอดบุตร เสียค่าใช้จ่าย 50 % (ยกเว้นการผ่าตัดโดยใช้อุปกรณ์พิเศษที่ผู้บริจาคจะต้องจ่ายเองทั้งหมด) 

ข้อที่ 7 จิตใจเบิกบาน

การบริจาคเลือดนั้นถือว่าเป็นการทำบุญอีกประเภทหนึ่ง เพราะเลือดที่บริจาคไปนั้นจะถูกนำไปต่อชีวิตให้กับคนอีกหลายๆ คน เรียกว่าเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง

 

สำหรับใครที่สนใจอยากจะไปบริจาคเลือดก็อย่าลืมเตรียมร่างกายให้พร้อม นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 6 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และที่สำคัญคือ ดื่มน้ำให้มากๆ นะ

 

 

บริจาคเลือด

 

 

 

 

ขอบคุณที่มาดี๊ดี

bit.ly, bit.ly/317KZ3V, bit.ly/2Z5sRWE

bit.ly/2JZJLT9, bit.ly/2MpQiIz, bit.ly/2IiBoyP

 

แชร์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ประกันอุบัติเหตุ vs ประกันสุขภาพ เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับตัวเรา

ในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การมีประกันสักฉบับไว้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายจากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่หลายคนยังสับสนว่า ควรเลือก “ประกันอุบัติเหตุ (PA)” หรือ “ประกันสุขภาพ” ดี? กกเพราะทั้งสองแบบต่างก็เกี่ยวข้องกับค่ารักษาพยาบาลเหมือนกัน ซึ่งนอกจากชื่อที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจนแล้ว ประกันทั้งสองประเภทนี้ก็ยังมีความแตกต่างกันในเรื่องของความคุ้มครองและวัตถุประสงค์ในการทำประกัน

ไม่อยากเสียใจ อ่านสิ่งนี้ก่อนเลือกทำประกันชีวิตผู้สูงอายุให้พ่อ-แม่

ปัจจุบันเทรนด์ทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่ สังคมผู้สูงวัย และประเทศไทยเองก็ไม่ต่างกัน เมื่อสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะพ่อแม่ เริ่มมีอายุเพิ่มมากขึ้น ความเสี่ยงด้านสุขภาพก็ตามมา การวางแผนดูแลท่านจึงไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในเรื่องของ หากคุณกำลังมองหาวิธีวางแผนดูแลพ่อแม่ในยามแก่เฒ่า การทำ ประกันชีวิตผู้สูงอายุ ถือเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความอุ่นใจทั้งกับผู้ทำประกันและครอบครัวของคุณ อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาเงื่อนไขให้ละเอียด เลือกแผนที่เหมาะกับงบประมาณและเป้าหมายของคุณให้ดี แล้วคุณจะได้รับ “ความคุ้มครอง” พร้อม “ความสบายใจ” ไปพร้อมกัน ที่สามารถช่วยรองรับค่าใช้จ่ายในอนาคต และเป็นหลักประกันที่มั่นคงให้กับครอบครัว