5 นาที

5 เคล็ด(ไม่)ลับประหยัดภาษีอย่างถูกวิธี

แชร์

นับถอยหลังก้าวสู่การเตรียมตัวยื่นภาษีประจำปีภาษี 67กันแล้ว ใครที่ยังไม่ได้วางแผนลดหย่อนภาษี เวลาที่เหลืออยู่นี้อาจเป็น final call สุดท้ายที่ต้องรีบแล้ว และวันนี้เพื่อประโยชน์ทางภาษีของทุกคน noon นี้ได้สรุป 5 เคล็ดไม่ลับที่จะช่วยให้หลายๆ คนได้ประหยัดภาษีอย่างสูงสุด และถูกวิธีมาแชร์ทริคให้นำไปปรับใช้กันแบบไม่มีกั๊ก

friday
5 เคล็ด(ไม่)ลับประหยัดภาษีอย่างถูกวิธี
1.จัดการเงินได้และหน่วยภาษี
1.1 แยกลักษณะเงินได้
เงินได้ หมายถึง รายได้ หรือรายรับที่เราได้รับมาจากการประกอบอาชีพ หรือกระทำกิจกรรมใดๆ ก็ตามที่ก่อให้เกิดรายรับ โดยเงินได้ตามกฎหมายที่ต้องนำมาเสียภาษีเงินได้บุคลธรรมดานั้นเรียกว่า “เงินได้พึงประมาณ” ซึ่งสรรพากรได้นิยามความหมายของคำว่า “เงินได้พึงประมาณ” ไว้ดังนี้ เงินได้ของบุคคลใดๆ หรือหน่วยภาษีใดข้างต้นที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม ของปีใดๆ หรือเงินได้ ที่เกิดขึ้นในปีภาษี ได้แก่
ยื่นภาษี
และเนื่องจากที่มาของรายได้นั้นมีความหลากหลายทาง กฎหมายจึงได้แบ่งลักษณะเงินได้(พึงประเมิน) ออกเป็นกลุ่มๆ ตามความเหมาะสมเพื่อกำหนดวิธีคำนวณภาษี ดังนี้
  1. เงินได้ประเภทที่ 1 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน เช่น เงินเดือน เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ
Noted ต้องเป็นเจ้านาย-ลูกน้องกันและมีสัญญาว่าจ้าง
  • เงินได้ประเภทที่ 2 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ เช่น ค่าจ้าง ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด
Noted ต้องไม่เป็นเจ้านาย ลูกน้อง และไม่เข้าข่ายวิชาชีพ ประเภทที่ 6
  • เงินได้ประเภทที่ 3 ได้แก่ ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น เงินปี หรือเงินได้ที่มีลักษณะ เป็นเงินรายปีอันได้มาจากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น หรือคำพิพากษาของศาล
  • เงินได้ประเภทที่ 4 ได้แก่ ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร   เงินลดทุน เงินเพิ่มทุน ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้น ฯลฯ เป็นต้น
  • เงินได้ประเภทที่ 5 เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เงินหรือประโยชน์อย่างอื่น เช่น การให้เช่าทรัพย์สิน
  • เงินได้ประเภทที่ 6 ได้แก่ เงินได้จากวิชาชีพอิสระ คือวิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลป์ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอื่นซึ่งจะได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดชนิดไว้
  • เงินได้ประเภทที่ 7 ได้แก่ เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระ ในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ
  • เงินได้ประเภทที่ 8 ได้แก่ เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในประเภทที่ 1 ถึงประเภทที่ 7 แล้ว
อ่านบทความฉบับเต็มเกี่ยวกับ “รายได้พึงประมาณ 8 ประเภท”
Noon แนะ
ควรเช็คว่าเงินได้เป็นประเภทไหน ได้สิทธิยกเว้นภาษีหรือไม่ เพราะไม่ใช่เงินได้ทุกอันจะต้องเสียภาษี หรือใช้สิทธิหักค่าใช้จ่ายเหมือนกัน
1.2 การเลือกยื่นแบบแสดงรายการภาษีให้เหมาะสม
5 วิธีเลือกยื่นแบบแสดงรายการภาษีสาหรับคู่สามีภรรยา
ยื่นภาษี
หมายเหตุ ค่าลดหย่อนต่าง ๆ แยกตามคนที่ยื่นแบบแล้วมีรายได้ประเภท 40(1)
2.เลือกค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม
การคำนวณภาษีว่าเราต้องจ่ายที่เท่าไหร่นั้น ในขั้นแรกต้องเริ่มนำเงินได้พึงประเมินทุกประเภทของเราเองตลอดปีภาษี (ไม่รวมเงินได้ที่กฎหมายยกเว้นภาษี หรือที่ไม่ต้องเสียภาษี) มาหักค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งการหักค่าใช้จ่ายนั้นมี 2 แบบด้วยกันคือ แบบเหมา และแบบหักตามจริง ซึ่งเงินได้แต่ละประเภทนั้นก็ต้องดูให้ดีว่าต้องเลือกหักแบบไหน
ยื่นภาษี
3.พิจารณาเครดิตภาษีเงินปันผล
เครดิตภาษีเงินปันผลคือสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นที่สามารถขอคืนภาษีจากกรมสรรพากรได้ เนื่องมาจากความซ้ำซ้อนในการจัดเก็บภาษีเงินได้ สรุปได้ง่ายๆ คือ เมื่อเราซื้อกองทุน หรือซื้อหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่งแล้ว ทางบริษัทมีการจ่าย “เงินปันผล” ให้ ซึ่งเงินปันผลนี้ได้มาจากกำไรสุทธิของบริษัท แต่กำไรสุทธินี้ได้เสียภาษีไปแล้วครั้งหนึ่งในรูปแบบของภาษีเงินได้นิติบุคคล และเมื่อมีการจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่นักลงทุน เงินปันผลนี้จะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 10% ซึ่งเป็นการเสียภาษีซ้ำซ้อนจากกำไรก้อนเดียวกัน รัฐจึงอนุญาตให้นักลงทุนขอ “เครดิตภาษีเงินปันผล” คืนได้บางส่วน
ที่มา เครดิตภาษีเงินปันผล ไม่ยากอย่างที่คิด
สมการเครดิตภาษีเงินปันผล
ยื่นภาษี
เงื่อนไขการได้สิทธิ์
การใช้เครดิตภาษีเงินปันผลได้จะต้องเข้าเงื่อนไขครบทุกข้อต่อไปนี้
  • เป็นผู้มีภูมิลำเนาในไทย : มีชื่อในทะเบียนราษฎร์ หรืออยู่ในไทยปีนั้นครบ 180 วันแล้ว
  • บริษัทที่จ่ายเงินปันผลต้องเป็นบริษัทไทย : ในกรณีห้างหุ้นส่วนที่จ่ายเงินส่วนแบ่งกาไรก็ต้องเป็นห้างหุ้นส่วนไทย
  • ต้องคำนวณกับเงินปันผลทุกก้อน : จะเลือกใช้เครดิตภาษีเงินปันผลเฉพาะเงินปันผลเพียงบางก้อน/บางบริษัท/บางกองทุนรวม ไม่ได้(รวมหมดทั้งเงินปันผลจากหุ้นและจากกองทุนรวม)
ตัวอย่างเพื่อความกระจ่าง
ยื่นภาษี
แค่พิจารณาเครดิตภาษีเงินปันผลก็อาจช่วยให้เราสามารถได้เงินคืนภาษีมาแบบไม่ทันตั้งตัว
4.รวบรวมและรักษาสิทธิที่มี
ในทุกๆ ปีของการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาห หลายๆ คนมักลืมใช้สิทธิที่ตนเองมีไปใช้ลดหย่อนภาษี ซึ่งพอมารู้ทีหลังก็อาจไม่ทันเสียแล้ว ดังนั้นเพื่อเป็นคงประโยชน์ทางภาษีอย่างสูงสุด ลองไปสำรวจซักหน่อยดีกว่าว่าตัวเรานั้นมีสิทธิตัวตัวอะไรบ้างที่จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
  • พ่อแม่
    • ตามคุณสมบัติ หักลดหย่อนท่านละ 30,000 บาท (ครึ่งปีหักได้ 15,000 บาท)
    • บิดามารดาต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป (ไม่รวมกรณีเบี้ยประกันสุขภาพ) และบิดามารดา
    • ต้องมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีไม่เกิน 30,000 บาท แม้จะได้รับยกเว้นภาษีก็ตาม
    • พี่น้องใช้สิทธิได้คนเดียว ให้คนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียวเป็นผู้ใช้สิทธิของบิดามารดาแต่ละท่าน (แบบ ล.ย. 03 ลงนามโดยบิดามารดา)
  • เบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่
    • หักลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท ต่อผู้มีเงินได้ 1 คน และต่อ 1 กรมธรรม์ สาหรับกรณีพี่น้องจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพ
    • กรมธรรม์เดียวกัน ให้หารเฉลี่ยเท่า ๆ กันตามจานวนผู้จ่ายเบี้ย
  • พ่อแม่คู่สมรสได้ตามเงื่อนไข
    • สามีภรรยามีเงินได้ฝ่ายเดียว สามารถหักลดหย่อนบิดามารดาของคู่สมรสได้ด้วย(ให้คู่สมรสตกลงกับพี่น้องด้วย) และสามีภรรยามีเงินได้ฝ่ายเดียว สามารถหักลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ได้ด้วย แต่รวมกันทั้งหมด (รวม 4 ท่าน) ไม่เกิน 15,000 บาท
  • คนพิการ
    • ตามคุณสมบัติ หักลดหย่อนคนละ 60,000 บาท(ครึ่งปีหักได้ 30,000 บาท)
    • ผู้ใช้สิทธิต้องมีชื่อในบัตรประจาตัวคนพิการเป็นผู้ดูแลเป็นคนสุดท้ายในปีภาษีนั้น
    • คนพิการ/คนทุพพลภาพนั้นต้องมีเงินได้พึงประเมินที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีไม่เกิน 30,000 บาทในปีภาษี
  • เกณฑ์ในการอุปการะดูแล
    • ดูแลบุคคลต่อไปนี้ซึ่งเป็นคนพิการ/คนทุพพลภาพ: บิดามารดาของตนเอง, บิดามารดาของคู่สมรส, คู่สมรส, บุตรชอบด้วยกฎหมายหรือบุตรบุญธรรมของตนเอง, บุตรติดคู่สมรส, บุคคลอื่นอีก 1 คน (จากัดแค่ 1 คนเท่านั้น)
    • ผู้มีเงินได้หลายคนร่วมกันดูแลคนพิการ/คนทุพพลภาพ ให้ผู้มีเงินได้คนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียวเป็นผู้ใช้สิทธิ (ทาหนังสือตกลงยินยอม ลงชื่อให้ครบทุกคน ยื่นพร้อมแบบ ล.ย. 04)
    • สามีภรรยามีเงินได้ฝ่ายเดียว แต่ฝ่ายที่ไม่มีเงินได้มีชื่อในบัตรประจาตัวคนพิการเพียงคนเดียวเป็นผู้ดูแลบุตรที่เป็นคนพิการ จะหักลดหย่อนบุตรที่เป็นคนพิการคนนั้นได้ด้วย
    • ผู้ที่มีอายุ 65 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือคนพิการ หักเงินได้พึงประเมินก่อนหักค่าใช้จ่ายประเภทใดเท่าใดก็ได้ แต่รวมกันต้องไม่เกิน 190,000 บาท
  • คลอดฝากครรภ์
    • ต้องหักสิทธิสวัสดิการจากแหล่งอื่นก่อนก่อนใช้สิทธิลดหย่อนครรภ์ละ 60,000 บาท
    • หักข้ามปีได้ (ฝากครรภ์ปีนี้ คลอดปีหน้ำ)ใช้สิทธิได้ตามที่จ่ายจริงในแต่ละปีภาษี แต่รวมกันไม่เกินครรภ์ละ 60,000 บาท
    • สิทธิอยู่กับฝ่ายภรรยำเป็นหลักสามีจะใช้สิทธิได้ เมื่อรวมยื่นภาษี หรือภรรยาไม่มีเงินได้
  •  บุตร
    • ตามคุณสมบัติ คนละ 30,000 บาท(สำหรับบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไปที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป เพิ่มเป็น 60,000 บาท )
    • อายุไม่เกิน 25 และยังศึกษาอยู่ / ผู้เยาว์ / ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ และต้องมีเงินได้พึงประเมินที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีไม่ถึง30,000 บาทในปีภาษีนั้น
    • ไม่จำกัดจำนวนบุตรแท้ บุตรชอบด้วยกฎหมายของตนเอง หรือบุตรติดคู่สมรส
    • บุตรบุญธรรม ลดหย่อนได้เมื่อรวมกับบุตรชอบด้วยกฎหมายต้องไม่เกิน 3 คนหากมีบุตรชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จะหักลดหย่อนบุตรบุญธรรมไม่ได้
  • วิธีนับจำนวน
    • การนับเพื่อใช้สิทธิหักลดหย่อน 60,000 บาท สาหรับบุตรคนที่ 2 ที่เกิดตั้งแต่ปี2561 ให้นับบุตรทุกคน ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่
    • การนับเพื่อหาจานวนบุตรที่มีสิทธิหักลดหย่อน ให้นับเฉพาะบุตรที่มีชีวิตอยู่เรียงตามลาดับอายุ ไม่ว่าบุตรคนนั้นจะอยู่ในเกณฑ์หักลดหย่อนได้หรือไม่

 5.ใช้สิทธิลดหย่อนตามเกณฑ์

เครื่องมือช่วยลดหย่อนภาษีแต่ละชนิด หรือแต่ละประเภทต่างมีเกณฑ์ และเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีที่แตกต่างกัน หากเราไม่เข้าว่ารายละเอียดเหล่านั้นคืออะไรอาจส่งผลให้การวางแผนลดหย่อนภาษีผิดไปจากที่ตั้งไว้
ลดหย่อนภาษีด้วยประกันมีเกณฑ์ และเงื่อนไขอะไรบ้าง
ยื่นภาษี
ลดหย่อนภาษีด้วยกองทุนมีเกณฑ์ และเงื่อนไขอะไรบ้าง
กองทุน
เงื่อนไข และเกณฑ์การลดหย่อนภาษีด้วยค่าลดหย่อนกลุ่มเกษียณ
ค่าลดหย่อนภาษีของกลุ่มเกษียณนั้นมีเกณฑ์การลดหย่อนแบบเป็นลำดับ ดังนี้
ยื่นภาษี
ตัวอย่างเพื่อความกระจ่าง
นาย noon มีเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย และหักลดหย่อนสิทธิส่วนตัวไปแล้วอยู่ที่ 1,040,000 ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากค่าลดหย่อนกลุ่มเกษียณ โดยสิทธิที่นาย noon สามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้มีทั้งหมด 3 สิทธิ คือ  
รายการ มูลค่าที่ลงทุน
PVD: เงินสะสมเข้ากองทุนสารองเลี้ยงชีพ 180,000 บาท
RMF: เงินลงทุนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ 300,000 บาท
เบี้ยประกันบำนาญ 100,000 บาท
SSF: เงินลงทุนกองทุนรวมเพื่อการออม 200,000 บาท
โดยการคำนวณสิทธิหักลดหย่อนภาษีนั้นเป็นตามลำดับ กล่าวคือ PVD จะถูกนำมาหักลดหย่อนก่อน ตามด้วย RMF ต่อด้วยเบี้ยประกันบำนาญ และ SSF เป็นลำดับสุดท้าย ถึงแม้ว่านาย noon มีความต้องการที่อยากจะใช้ค่าลดหย่อน SSF มาหักลดหย่อนภาษีก่อนเบี้ยประกันบำนาญ  เพราะมีมูลค่าที่เยอะกว่า แต่ในเกณฑ์คำนวณของสรรพากรไม่สามารถทำได้ ต้องหักลดหย่อนตามลำดับดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ทำให้ในกรณีนี้นาย noon ไม่สามารถหักลดหย่อนภาษีด้วย SSF ได้เต็มวงเงิน สามารถหักได้เพียง 100,000 เท่านั้น เนื่องจากค่าลดหย่อนในกลุ่มเกษียณนั้นเมื่อนำมารวมกันจะได้ลดหย่อนสูงสุด 500,000 เท่านั้น ดังนั้นนาย noon ไม่จำเป็นต้องซื้อ SSF แบบเต็ม MAX แต่ซื้อให้พอดีกับเกณฑ์ก็จะช่วยให้ประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกมหาศาล
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ เราเข้าใจดีกว่าหลายๆ คนต้องฝ่าฟันความงงงวย และหัวจะปวดเกี่ยวกับการวางแผนภาษีไม่มากก็น้อย หวังเป็นอย่างว่าทั้ง 5 เคล็ด(ไม่)ลับประหยัดภาษีอย่างถูกวิธี ที่นำมาแชร์กันในบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนวางแผนลดหย่อนภาษีได้คุ้มค่า และง่ายขึ้นกว่าที่เคย และหากใครที่กำลังมองหาประกันเพื่อนำไปเป็นตัวช่วยลดหย่อนภาษีอยู่ล่ะก็ ลองเข้ามาค้นหา และเปรียบเทียบแบบประกันได้ที่ noon.in.th เรามีแบบประกันให้เลือกหลากหลายเจ้า ไม่ผูกขาด และมีเครื่องมือช่วยคำนวณหาแบบประกันที่ใช่ และคุ้มค่าสำหรับคุณ
friday
ขอบคุณแหล่งที่มา
เอกสารประกอบงานบรรยาย “วางแผนภาษีเงินได้เข้าใจง่ายอย่างถูกวิธี โดย Friday แอปพลิเคชันเลขาของตัวแทนประกัน”, กรมสรรพากร

แชร์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ระวังให้ดี!! ไม่ยื่นภาษี อาจมีความผิด

การยื่นภาษีเป็นหน้าที่สำคัญของชาวไทย หากละเลยนี้เมื่อใด สรรพากรก็อาจยกไม้เรียวที่ชื่อว่า "โทษปรับทางอาญา" "เบี้ยปรับ" และ "เงินเพิ่ม" ขึ้นมาตีเราทันที ไม่อยากดีก็รบยื่นภาษีกันให้ไว

ยื่นภาษีไปแล้ว ตรวจสอบเงินคืนภาษีได้ที่ไหน

ยื่นภาษีไปนานแล้ว อยากรู้จังว่าเงินคืนภาษีของเราจะได้คืนเมื่อไร่ หรืออยู่ในสถานะไหน noon มีวิธีตรวจสอบสถานะเงินคืนภาษีอย่างง่ายๆ มาฝากกัน