การเลือกประกันอุบัติเหตุสำหรับลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ทุกคนควรให้ความสนใจ เนื่องจากเด็กมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากกิจกรรมประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเล่น การเรียน หรือการเดินทาง ประกันอุบัติเหตุที่เลือกอย่างถูกต้องจะช่วยให้ครอบครัวมีความมั่นใจและลดภาระทางการเงินในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด
ขั้นตอนที่ 1: วิเคราะห์สิทธิรักษาที่มีอยู่
ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อประกันอุบัติเหตุสำหรับลูกน้อย พ่อแม่ควรสำรวจหรือวิเคราะห์สิทธิการรักษาขั้นพื้นฐานของลูกน้อยให้ดีว่าคุ้มครองครอบคลุมอะไรบ้าง โดยพื้นฐานทั่วไปเด็กเล็กที่อายุไม่เกิน 7 ปี หรือเด็กที่ยังไม่มีบัตรประชาชน สามารถใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาทในการเข้ารับการรักษาได้
สิทธิบัตรทองสำหรับเด็กครอบคลุมการรักษาของประเทศไทย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มเด็กเล็ก อายุ 0-5 ปี
- วัคซีนป้องกันโรค: ฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรค ตับอักเสบบี บาดทะยัก คอตีบ ไอกรน โปลิโอ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ อุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้า หัด หัดเยอรมัน คางทูม ไข้หวัดใหญ่และไข้สมองอักเสบเจอี
- การตรวจคัดกรอง: ตรวจเลือดคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ (โรคเอ๋อ) ภาวะโลหิตจาง การติดเชื้อเอชไอวี ตรวจคัดกรองพัฒนาการ
- การดูแลสุขภาพทั่วไป: ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงเพื่อติดตามการเจริญเติบโต ตรวจช่องปากและฟัน เคลือบฟลูออไรด์
- ยาและอุปกรณ์การแพทย์: การให้ยาไทรอกซินป้องกันภาวะพร่องไทรอยด์ ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็ก ยาต้านไวรัสเอชไอวี สมุดบันทึกสุขภาพ/บันทึกพัฒนาการ และแว่นตาหากมีภาวะสายตาผิดปกติ
กลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นอายุ 6-24 ปี
- วัคซีนป้องกันโรค: ฉีดวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก วัคซีนเอชพีวีป้องกันมะเร็งปากมดลูก (สำหรับนักเรียนหญิง ป.5)
- การตรวจคัดกรองสุขภาพ: ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงเพื่อติดตามการเจริญเติบโต ตรวจเลือดคัดกรองภาวะโลหิตจาง เอชไอวี ตรวจช่องปากและฟัน ตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจคัดกรองสายตาและการได้ยิน
- การป้องกันพฤติกรรมเสี่ยง: คัดกรองความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่ สุรา และสารเสพติด การให้คำปรึกษาแนะนำด้านสุขภาพ
- การดูแลสุขภาพเฉพาะ: เคลือบฟลูออไรด์และหลุมร่องฟัน การให้ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็ก แว่นตาหากมีภาวะสายตาผิดปกติ การป้องกันและแก้ไขการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นและการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ การคุมกำเนิด
ขั้นตอนที่ 2: เปรียบเทียบความคุ้มครองและผลประโยชน์
การเลือกซื้อประกันอุบัติเหตุสำหรับลูกน้อย ไม่ควรมองเพียงแค่ราคาเบี้ยประกันที่ถูก แต่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญกับรายละเอียดของความคุ้มครองเป็นอันดับแรก เพื่อให้ได้ประกันที่ให้ทั้งความคุ้มครองที่ครอบคลุมและความคุ้มค่า โดยปัจจัยสำคัญที่ควรนำมาประกอบการพิจารณาเปรียบเทียบเลือกประกันอุบัติเหตุ มีดังนี้
ทุนประกันชีวิตกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
ระดับความคุ้มครองที่แนะนำคือ 100,000-500,000 บาท ซึ่งจะช่วยเป็นค่าใช้จ่ายในกรณีเกิดเหตุร้ายแรง แม้จำนวนนี้จะไม่สามารถทดแทนความสูญเสียได้ แต่จะช่วยลดภาระทางการเงินของครอบครัว
ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ
ความคุ้มครองด้านค่ารักษาพยาบาลควรอยู่ในช่วง 50,000-300,000 บาท เพื่อให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการรักษาแบบผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก รวมถึงค่าฟื้นฟูสมรรถภาพหากจำเป็น
เงินชดเชยรายวันกรณีนอนโรงพยาบาล
ผลประโยชน์นี้จะช่วยชดเชยรายได้ที่สูญเสียจากการที่พ่อแม่ต้องหยุดงานเพื่อดูแลลูกในโรงพยาบาล โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 300-1,000 บาทต่อวัน
ขั้นตอนที่ 3: ศึกษาเงื่อนไขและข้อยกเว้นอย่างละเอียด
การอ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไขของกรมธรรม์เป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม ประกันอุบัติเหตุเด็กส่วนใหญ่จะให้ความคุ้มครองตั้งแต่อายุ 1 ปี ถึง 22 ปี บางแผนอาจเริ่มตั้งแต่ 6 เดือน ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีในเงื่อนไขอะไรบ้างที่ไม่ควรมองข้าม เช่น
- อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬาอันตราย
- การบาดเจ็บจากการต่อสู้หรือทำร้ายตัวเอง
- อุบัติเหตุขณะเมาสุราหรือยาเสพติด (สำหรับเด็กโต)
- ความเจ็บป่วยจากโรคติดต่อ
- ระยะเวลารอคอย (Waiting Period)
ขั้นตอนที่ 4: เลือกบริษัทประกันที่เชื่อถือได้
การเลือกบริษัทประกันที่มีความมั่นคงและการบริการที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญต่อความอุ่นใจในการทำประกันว่าเราจะไม่เทระหว่างทาง โดยหลักในการพิจารณาเบื่องต้น คุณพ่อแม่อาจเริ่มจากเงื่อนไข ดังนี้
- ความมั่นคงทางการเงินของบริษัท
ตรวจสอบค่า “อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน หรือ Capital Adequacy Ratio (CAR)” ซึ่งค่านี้จะสามารถบ่งบอกได้ว่าบริษัทประกันที่เราเลือกจะทำนั้นมีฐานะทางการเงินมั่นคงในระดับที่ดีหรือไม่ สามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้จากเว็บไซต์ คปภ. https://www.oic.or.th/th/non-life-insurance-company
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน หรือ Capital Adequacy Ratio (CAR)”
เครือข่ายโรงพยาบาล
- ความครอบคลุมของเครือข่ายโรงพยาบาลทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
- ความสะดวกในการติดต่อและเคลมสินไหมทดแทน